วัดพระใหญ่ชัยมงคล หรือที่ประชาชนรู้จักในชื่อ “วัดสรพงษ์” หรือที่เรียกติดปากคือ “วัดหลวงพ่อโต” ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากแรงศรัทธาของดารานักแสดงผู้ล่วงลับ “สรพงษ์ ชาตรี” ชายผู้ที่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการภาพยนตร์ไทย มาสู่เส้นทางของการทำบุญ สร้างวัด และเผยแผ่พุทธศาสนา
วันนี้ แม้เจ้าของชื่อจะจากโลกนี้ไปแล้ว วัดที่เขาสร้างยังคงตั้งตระหง่าน เต็มไปด้วยพลังศรัทธาของผู้คน และกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ วัดแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังไม่มีสรพงษ์? บทบาทของวัดในชุมชนเป็นอย่างไร และอะไรคือทิศทางในอนาคต?
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน สรพงษ์ ชาตรี หรือที่รู้จักในวงการว่า “พี่เอก” ได้ตัดสินใจทุ่มเทชีวิตช่วงปลายไปกับการสร้างวัดในพื้นที่บ้านเกิดของภรรยา โดยมีเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ต้องการสร้างสถานที่แห่งความศรัทธา ที่รวมเอาศิลปะ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของพุทธศาสนาไว้ในที่เดียวกัน
เขาใช้เงินส่วนตัวจำนวนมาก และแรงกายแรงใจในการก่อสร้างวัดพระใหญ่ชัยมงคล ที่โดดเด่นด้วยองค์พระขนาดใหญ่ “พระใหญ่ชัยมงคล” พระพุทธรูปสีทองอร่ามที่มีความสูงมากกว่า 30 เมตร ตั้งอยู่กลางเขาอย่างงดงาม เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศ
ในช่วงเวลาที่สรพงษ์ยังมีชีวิต วัดแห่งนี้เปรียบเสมือนเวทีอีกหนึ่งของเขา เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้ง แต่ยังลงมือดูแลเองแทบทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่การออกแบบ การบริหาร การจัดกิจกรรมบุญ ไปจนถึงการต้อนรับแขก
ผู้ที่เคยไปเยี่ยมวัดในช่วงนั้นจะสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา วัดเต็มไปด้วยกิจกรรม เช่น การแจกของให้ชาวบ้าน การจัดงานบุญใหญ่วันพระ การเทศนา การนั่งสมาธิ และงานศิลป์จากฝีมือช่างท้องถิ่นที่ถูกสนับสนุนโดยสรพงษ์เอง
ในสายตาชาวบ้าน สรพงษ์ไม่ได้เป็นเพียง “ดารา” แต่เป็น “ผู้ปฏิบัติธรรม” และ “ผู้ให้” ที่จริงจังและมุ่งมั่น ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่พิเศษที่รวมทั้งความศรัทธา ความอบอุ่น และแรงบันดาลใจ
เมื่อสรพงษ์เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2565 ความเศร้าโศกไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่สะเทือนไปถึงวัดแห่งนี้และผู้ศรัทธาทั่วประเทศ เพราะเขาคือจิตวิญญาณของวัด เป็นแรงผลักดันหลักในการขับเคลื่อนทุกอย่าง
หลังการจากไป วัดพระใหญ่ชัยมงคลต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการ เพราะผู้ที่มีบทบาทหลักอย่างสรพงษ์ไม่มีอีกแล้ว ความสงสัยเริ่มก่อตัวว่า วัดแห่งนี้จะดำรงอยู่อย่างไร? ใครจะสานต่ออุดมการณ์ของเขา?
ภายหลังจากการจากไปของสรพงษ์ ทางครอบครัว และทีมงานเดิมของเขาได้ร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการวัดเพื่อดำเนินการบริหารต่อ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “รักษาจิตวิญญาณของสรพงษ์ไว้” พร้อมทั้งพัฒนาให้วัดอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน
วัดได้ปรับปรุงระบบภายใน เช่น การจัดสรรงบประมาณ การจัดงานกิจกรรม และการสื่อสารกับสาธารณชน โดยเปิดช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, YouTube และเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมธรรมะ และการบำเพ็ญบุญ
แม้เจ้าของวัดจะไม่อยู่ แต่การบำรุงรักษายังคงมีอย่างต่อเนื่อง วัดได้ทำความสะอาด ฟื้นฟูจุดต่างๆ และมีการสร้างอาคารใหม่เพิ่มเติม เช่น ศาลาปฏิบัติธรรม โรงทาน และทางเดินรอบเขาที่สะดวกสบายขึ้น เพื่อรองรับผู้มาเยือนจำนวนมาก
หนึ่งในภารกิจสำคัญที่ยังคงอยู่คือการช่วยเหลือสังคม วัดยังคงแจกอาหารฟรีในบางวัน จัดงานบุญเพื่อผู้ยากไร้ และสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษา โดยเฉพาะกับโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวทางที่สรพงษ์วางไว้ตั้งแต่ต้น
นักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อมาเยือนวัดในวันนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะไม่มีสรพงษ์มานั่งพูดคุย หรือยืนทักทายเหมือนก่อน แต่ความรู้สึกของเขายังคงอยู่ในทุกมุมของวัด
ภาพวาด รูปปั้น และป้ายต่างๆ ที่มีข้อความจากสรพงษ์ ยังคงถูกจัดแสดงอยู่ เช่น คำสอนธรรมะที่เขาเขียนเอง หรือคำกล่าวให้กำลังใจที่ติดอยู่ตามผนังวัด ทุกสิ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ยังไม่ดับสูญ
สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ วัดนี้ยังคงเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นสถานที่ที่เขาสามารถมานั่งสมาธิ ฟังธรรม และใช้เวลาสงบจิตใจ โดยไม่รู้สึกว่าเขากำลังอยู่ใน “วัดของดารา” แต่เป็น “วัดของชุมชน”
ทางคณะกรรมการวัดมีแนวทางผลักดันวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน เพื่อทำเส้นทางแสวงบุญเชื่อมโยงกับวัดใกล้เคียง
มีแผนจะจัดสร้างศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับชีวประวัติของสรพงษ์ เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ทั้งด้านศิลปะ การแสดง และหลักธรรมะในชีวิต พร้อมจัดแสดงของใช้ส่วนตัว ภาพยนตร์ และผลงานที่เขาสร้างไว้
วัดได้เปิดรับกลุ่มเยาวชนในช่วงปิดเทอมเพื่อมาปฏิบัติธรรม เรียนรู้วิถีพุทธ ผ่านกิจกรรมที่ทั้งสนุกและมีสาระ ซึ่งเป็นแนวทางที่สรพงษ์เคยพูดไว้ว่า “การปลูกฝังจิตใจตั้งแต่เด็ก คือการเปลี่ยนอนาคตของประเทศ”
แม้วันนี้ไม่มีสรพงษ์ ชาตรี ผู้เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก่ผู้คนมากมาย แต่สิ่งที่เขาปลูกไว้นั้นยังคงเติบโต วัดพระใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่หล่อเลี้ยงจิตใจของผู้คนต่อไป ด้วยศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย และการบริหารที่เน้นการมีส่วนร่วมจากชุมชน
อนาคตของวัดอาจไม่มีเสียงหัวเราะของชายผู้ยิ้มง่ายคนเดิม แต่มีเสียงของสาธุชนรุ่นใหม่ที่สืบต่อความดี และนั่นคือ “พลัง” ที่แท้จริงของวัดแห่งนี้
ชื่อวัดอย่างเป็นทางการ:
วัดโพธิ์ทองบน (วัดสรพงษ์)
ที่อยู่:
111 หมู่ 2 ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
เวลาทำการ:
เปิดทุกวัน 07.00 – 18.00 น.